ตอนที่ 5
ความหวังของแป้ง
ความหวังจากปีศาจน้ำแข็ง คงจะไม่มีโอกาสแล้ว เมื่อเวลาผ่านมาจะสิ้นสุดสองวันตามที่เขาบอก
ศรัญญาเข้าใจ คนอย่างอัครเรช ผู้เจอะเจอสารพัดคนรอบข้างที่ล้วนจ้องจะตักตวงผลประโยชน์จากเขาที่บริหารจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวหลังจากประมุขสูงสุดของสิริวัฒนาจากไปอย่างกระทันหัน
เขาคงต้องคิดและพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ
และหากอันใดที่ไม่สร้างผลประโยชน์ให้เขาแล้ว ก็คงจะยากที่เขาจะรับข้อเสนอของศรัญญาง่ายๆ
“เชิญครับ คุณโอม คุณหญิงแก้วสบายดีนะครับ”
จีรวัตร บิดาของเธอเอ่ยต้อนรับอย่างกุลีกุจอ ขยับเก้าอี้ให้ทายาทของศรีพิพัฒน์นั่ง มารดาของเธอโบกมือให้สาวใช้นำอาหารออกมาเสริฟ
โดยวันนี้มารดาและพี่สาวของเธอเข้าควบคุมการทำอาหารมือเย็นเพื่อต้อนรับ ว่าที่ลูกเขย เองอย่างขะมักเขม้น
“ช่วงนี้คุณหญิงค่อนข้างยุ่งงานของมูลนิธิครับ ผมเลยมาคนเดียว อยากจะทานมื้อเย็นกับน้องแป้ง”
โอภาสตอบอย่างสุภาพ หันมามองร่างบางของศรัญญาที่กำลังเลื่อนเก้าอี้และนั่งลงข้างๆ ด้วยรอยยิ้มละไม ทำให้บิดาและมารดาของเธออมยิ้มและสบตากันอยู่ห่างๆ
ศรัญญายิ้มรับเล็กน้อยอย่างเสียไม่ได้ มองกริยาที่พ่อกับแม่และพี่สาวเธอชวนโอภาสคุย อย่างเป็นกันเอง แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะค่อนข้างจะเป็นทางการอยู่ดี
ครอบครัวมารดาของศรัญญามีเชื้อสายตระกูลเก่าแก่ที่ค่อนข้างจะรักษาหน้าตาและกริยามารยาท และบางครั้งก็สร้างความอึดอัดให้เธอพอสมควร
“ผมอยากจะมาคุยเรื่องการหมั้นหมายไว้คร่าวๆก่อนครับ อยากถามความพร้อมของน้องแป้งก่อน และถ้าได้ข้อสรุปชัดเจนอย่างไร คุณหญิงแม่จะเข้ามาคุยอย่างเป็นทางการอีกที”
คำบอกของโอภาส ทำให้มือที่กำลังจับช้อนของศรัญญาชะงัก จำต้องเงยหน้ามองด้านข้างเขาอย่างกระอักกระอ่วน
“ช่วงนี้แป้งยังไม่พร้อม..”
“ได้เลยครับคุณโอม ผมเองก็อยากให้ยายแป้งเป็นฝั่งเป็นฝาเร็วที่สุด จะได้สบายใจสักที” บิดาเธอรีบเอ่ยตัดบท
ศรัญญาหน้าเสียเล็กน้อย ไม่ต่างจากพี่สาวของเธอ
“งั้นผมให้ที่บ้านจะหาฤกษ์หมั้นไว้ก่อนดีมั้ยครับ แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะมารับแป้งไปดูแหวนไว้ก่อน”
โอภาสเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“พะ..พี่โอมคะ”
ศรัญญาต้องการจะทัดทาน แต่เหมือนสายตาของพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะจะถลึงตาห้ามปรามไว้ หญิงสาวจึงทำได้เพียงเหลือบมองพี่สาวที่มองมาด้วยความสับสนไม่แพ้กัน
ทำไมพี่โอม ไม่ชอบพี่ปลานะ ...ศรัญญาคิดในใจ
บรรยากาศบนโต๊ะโดยรวมเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทั้งความสดชื่นของเจ้าของบ้านทั้งสอง และความอบอุ่นใส่ใจของโอภาสที่หันมาสบตาและดูแลศรัญญาประดุจเธอเป็นเจ้าหญิง
จริงๆแล้วเขาก็สุภาพและดูอบอุ่นดีนะ
แต่ทำไมศรัญญาถึงไม่รู้สึกร้อนรุ่มและวาบหวาม หรือตอนอยู่กับอีกคน ที่แม้เพียงมองสบตาของเขา ขนกายในตัวก็ขนลุกชูชันทั้งร่าง
คนผู้นั้นคงมีเวทย์มนต์อะไรสักอย่าง ที่ร่ายใส่เธอแน่นอน
.
สักพักคนรับใช้ในบ้านมากระซิบบอกบิดาของเธอที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ และทำให้ใบหน้าของจีรวัตร ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยด้วยความฉงน
“คุณเรช มางั้นรึ”
จีรวัตร วางช้อนลงมองหน้าภรรยาและ โอภาส ว่าที่ลูกเขยที่นั่งตรงหน้าอย่างสับสน ด้วยไม่คิดว่าคนอย่าง อัครเรซ ทายาทสิริวัฒนาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศจะมาในเวลานี้
“มีอะไรเหรอครับ”
โอภาสเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าของบ้าน แม้คำพูดของอีกฝ่ายจะชัดเจนอยู่แล้ว แต่หน้าตี๋ก็ยังฉงนอยู่ดี
ไม่มีใครไม่รู้จัก อัครเรช ชายหนุ่มเจ้าของสิริวัฒนาผู้ที่รับช่วงต่อจากบิดาด้วยอายุเพียงยี่สิบห้าปีเศษ แต่จบปริญาเอกห้าใบจากหลายแขนงวิชา และยังบริหารจัดการเด็ดขาดจนได้สัญญาสัมปทานปิโตรเลียมและเครือข่ายสื่อสารหลายสัญญา
“ไม่แน่ใจว่าจะมาคุยเรื่องอะไร คุณโอมทานไปก่อนได้เลยครับ ขอโทษทีที่ผมเสียมารยาท”
จีรวัตร เอ่ยอย่างลำบากใจ เตรียมขยับเก้าอี้ลุกเพื่อไปรับรองเจ้าของสิริวัฒนาอีกห้อง
แต่ไม่ทันที่จะลุกขึ้น ร่างสูงโปร่งลูกครึ่งก็เดินเข้ามา
“คะ..คุณเรช”
ศรัญญาอุทาน เมื่อสบตาคู่สีมรกตเข้มจากใบหน้าหล่อเหลาคมคายของ อัครเรช ที่ปรี่เข้ามาในบ้านเธออย่างถือวิสาละ
ทุกคนในโต๊ะอาหารลุกขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“สวัสดีครับ เฮียเจียง”
อัครเรชเอ่ยทักทาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหรี่ตามองร่างบางในชุดสีชมพูอ่อนที่นั่งเคียงข้างกับหนุ่มหน้าตี๋ทายาทของศรีพิพัฒน์ด้วยแววตาลุ่มลึก ยากจะคาดเดา
“อะ...เอ่อ คุณเรช ขออภัยด้วยครับ พวกเราไม่ได้เตรียมอะไรล่วงหน้าเลยไม่ทราบว่าจะมา”
จีรวัตรบอกตะกุกตะกัก เป็นครั้งแรกที่ศรัญญาเห็นบิดาตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก
“ไม่เป็นไรครับ กำลังทานมื้อเย็นใช่มั้ยผมขอทานด้วย”
ร่างสูงโปร่งขยับเก้าอี้และนั่งลงข้างศรัญญา อย่างถือวิสาละ ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน ก่อนที่มารดาของเธอจะโบกมือให้เด็กรับใช้นำชุดจานช้อมส้อมมาวางให้แขกตรงหน้า
ศรัญญานั่งอย่างอึดอัด ระหว่างชายทั้งสอง ฝั่งซ้ายคือโอภาส ศรีพิพัฒน์ ฝั่งขวาคือ อัครเรช สิริวัฒนา
วันนี้เกิดอาเภทอะไรกัน ....หญิงสาว คิดในใจ
“ผมมาที่นี่ตามสัญญาครับ”
ปากหยักได้รูปเอ่ยขึ้น เมื่อชุดรับประทานอาหารอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาบรรจงหยิบอย่างเบามือและตักอาหารบนโต๊ะอย่างละเมียดละไมเหมือนถูกอบรมมาอย่างดี
การปรากฏตัวของขาบนโต๊ะอาหารที่บ้านวิโรทัยครั้งนี้ ทำให้ทุกคนบนโต๊ะนิ่งเหมือนไม่กล้าจะกล่าวอะไรออกไป แม้แต่โอภาสเองก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“คะ ..คุณเรชคะ”
ศรัญญาเริ่มตะกุกตะกัก มองหน้าคมคายที่ยังใส่ใจกับอาหารตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย ต่างจากทุกคนบนโต๊ะที่เลิ่กลักและมองหน้ากันโดยไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา
แต่ทุกคนก็ต่างจับจ้องหน้าหล่อเหลาตรงหน้า ว่าการมาบ้านวิโรทัยในครั้งนี้ มีจุดประสงค์ใดกัน
“เกี่ยวกับเรื่องข้อเสนอ การเทคโอเวอร์ของวิโรทัย”
อัครเรชเอ่ยเสียงราบเรียบ หยิบผ้าขาวมาซับปากเล็กน้อย เหลือบมองหน้าสวยที่นั่งข้างๆและจีรวัตรเจ้าของบ้าน
ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“ผมตกลงในข้อเสนอนั้นครับ”
คำบอกของเขานั้น ไม่เพียงแต่ศรัญญาเท่านั้นที่ลิงโลด แต่ทำให้ทุกคนบนโต๊ะชะงักและตาวาวเช่นกัน โดยเฉพาะจีรวัตร บิดาของเธอ
“จะ ...จริงเหรอครับคุณเรช”
จีรวัตรเอ่ยเสียงสั่น การรับข้อเสนอนี้ถือว่าวิโรทัยจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน
“ครับ ผมจะระดมทุนเพิ่มใส่ในวิโรทัยจนจะหายติดลบ”
อัครเรชพยักหน้า ขยับต้นขาเบียดชิดกับร่างนุ่มนิ่มข้างๆจนศรัญญารู้สึกร้อนผ่าว เหมือนโดนก้อนไฟขนาดใหญ่ขนาบไว้ใกล้ตัว
“แต่มีข้อแม้” ชายหนุ่มลูกครึ่ง ถอนหายใจเล็กน้อย วางช้อนส้อมในมือลง และเอ่ยต่อว่า “ต้องให้แป้งเป็นคนบริหารจัดการถือหุ้นเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ และ...” เขาหยุดพูดเล็กน้อย
“ต้องไม่มีงานแต่งงานของแป้งเกิดขึ้นเด็ดขาด”