หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ชีต้าร์” มือเล็กยกขึ้นสวัสดีคุณหมอสุดสวยที่เปิดประตูห้องพักคนไข้เข้ามาพร้อมกับกล่องอาหาร เธอวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉันที่นั่งตัวตรงอยู่บนเตียงคนไข้
“สดชื่นขึ้นมาเลยนะเรา วันนี้จะได้กลับบ้านแล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าฉันหุบเลยทันทีเมื่อได้ยินพี่ชีตาร์พูดคำว่าบ้านขึ้นมา
หลายวันก่อนที่ฉันเข้ามารักษาตัวที่นี่ พี่ชีตาร์คือคุณหมอที่รักษาฉันโดยตรง ซึ่งเธอบอกว่าเพื่อนของเธอฝากให้ดูแลฉันจนกว่าจะหายดี
“เป็นอะไรไปจ๊ะ หน้าซีดเชียวหรือว่าไม่อยากกลับบ้าน” คุณหมอสุดสวยเอ่ยขึ้นทีเล่นทีจริง พร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างลงบนแฟ้มประวัติคนไข้ไปด้วย
“ไม่มีอะไรค่ะ” ตอนนี้บาดแผลตามตัวฉันก็เริ่มดีขึ้นมากแล้ว รอยช้ำที่หน้าก็เริ่มจางลงแล้ว สามารถเดินเหินได้ตามปกติ และที่สำคัญฉันจะได้กลับไปเรียนและทำงานที่รับเอาไว้ซักที
เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันไม่มีใครรู้แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างไอรีส เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่เอาเข้าจริงนอกจากไอรีสฉันก็ไม่มีใครที่ไหนอีกแล้ว
“กลับบ้านได้เลยนะ เดี๋ยวพี่จัดยาให้ส่วนค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงเพื่อนพี่เขาเคลียร์ให้เอง”
“อย่างนั้นเหรอคะ ข้าวขอบพระคุณพี่ชีตาร์และก็นายด้วยนะคะ ว่าแต่พี่เจอนายบ้างมั้ยคะ ตั้งแต่วันที่นายเอาข้าวมารักษา ข้าวก็ไม่ได้เจอนายอีกเลยค่ะ” ฉันถามออกไปเสียงใส หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เห็นเขามาที่นี่อีกเลย จะถามก็เกรงใจเพราะแค่เขาช่วยฉันเอาไว้แค่นี้ก็เป็นบุญคุณมากพอแล้ว
“ซีเวียร์น่าจะกลับฝรั่งเศส ส่วนอาร์เมอร์ไม่รู้ไปทำตัวไร้สาระที่ไหน พี่ไม่ได้โทรหามันเลย”
“แล้ว...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรงด้วยมือของคุณพยายาล ที่วิงกระหืดกระหอบเข้ามาซะก่อน
“คุณหมอคะ คนไข้เตียงห้ามีอาการชักอีกแล้วค่ะ”
“เป็นไปได้ยังไง”
“คุณหมอรีบไปดูเถอะค่ะ อาการค่อนข้างหนัก”
“โอเค เดี๋ยวฉันจะไปดูเดี่ยวนี้แหละ” พี่ชีต้าร์หันไปพูดเร็วๆ กับพยาบาลคนนั้น พร้อมกับวางประวัติคนไข้ของฉันลงที่ปลายเตียง “พี่ให้เรากลับบ้านได้เลยนะ แวะไปรับยากลับไปทานที่บ้านด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่เขียนใบสั่งยาให้”
“ขอบคุณค่ะพี่ชีตาร์” ฉันยกมือไหว้พี่ชีตาร์แทบไม่ทัน พี่เขาผลุนผลันออกไปเพราะมีคนไข้อาการหนักรอความช่วยเหลืออยู่
“กลับบ้านอย่างงั้นเหรอ เฮ้อ~” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง ตอนที่ฉันออกมาจากบ้านหลังนั้นฉันก็ไม่มีอะไรติดตัวออกมาเลยซักอย่าง สงสัยคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากไอรีสซะแล้วสิเรา คิดได้อย่างนั้นก็เข้าไปจัดการธุระส่วนตัวของฉันห้องน้ำ ก่อนจะออกจากห้องพักคนไข้ไปทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดคนไข้
สักพักต่อมา
“เอายังไงดีเรา” ร่างบางเดินออกมายืนอยู่หน้าตึกของโรงพยาบาลด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว หันซ้ายหันขวาคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี ก่อนหน้านั้นฉันไปขอยืมโทรศัพท์จากฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อโทรติดต่อไอรีส แต่ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ถ้าจะไปหาเธอที่บ้านก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ตอนนี้ฉันเลยไม่ต่างจากนกน้อยที่ไร้บ้าน ไม่รู้จะเริ่มต้นไปทางไหนดี
หมับ!
“ไม่คิดว่าจะเจอมึงที่นี่นะอีข้าว”
“สะ...เสี่ยสุชาติ” ร่างบางที่กำลังก้าวถอยหลังหมายจะวิ่งกลับเข้าไปในตัวอาคาร ถูกลูกน้องของเสี่ยสุชาติจับเอาไว้ซะก่อนที่จะหนีไปได้สำเร็จ
“ครั้งที่แล้วมึงทำกูแสบมากนะอีกข้าว” ดวงตากลมโตมองไปที่หน้าผากของเสี่ยสุชาติที่มีผ้าปิดแผลปิดเอาไว้ ซึ่งเกิดจากฝีมือของฉันเองที่เอาโคมไฟฟาดกบาลเขาในวันเกิดเรื่อง ตอนที่มันกำลังจะลงมือข่มขืนฉัน
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย!ช่วยด้วย อุ้บ!” มือหนาน่ารังเกียจปิดปากของฉันที่กำลังดีดดิ้นเอาไว้แน่นจนไม่สามารถส่งเสียงร้องขอความชื่วยเหลือได้
“เอาตัวมันขึ้นรถ แม่งกูเสียไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ มึงต้องกลับไปชดใช้ให้กู”
“อื้อ...อื้อ”
“ปล่อยคนของกูเดี่ยวนี้นะไอ้แก่!!”
“โอ๊ย! อีบ้า” เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลังเรียกความสนใจพวกมันให้หันไปทางนั้น ฉันถือโอกาสนี้กัดเข้าไปที่มือของลูกน้องเสี่ยสุชาติอย่างแรง มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเผลอปล่อยมือออกแขนของฉัน หลังจากหยุดจากการจับกุม เท้าเล็กที่อยู่ในรองเท้าสำหรับใส่ในห้องน้ำของโรพยาบาลรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงเข้มเมื่อสักครู่ทันที
“นะ...นาย” ฉันเรียกคนตัวโตที่เคยช่วยฉันเอาไว้ก่อนจะวิ่งไปหลบตรงแผ่นหลังใหญ่ เขายืนอยู่กับชายชุดดำจำนวนหนึ่งด้วยท่าทางน่าเกรงกลัว
“เอายังไงครับเสี่ย”
“ฮึ่ย!ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ไม้ตะพดหัวสิงห์ของเสี่ยสุชาติชี้มาทางนาย จากนั้นเขาก็รีบเดินขึ้นรถไปอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมด้วยลูกน้องของเขา
“ฟู่ว” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโลงอก “อุ้ย!” แต่ก็ต้องตกใจไม่น้อยเมื่อดวงตากลมโตเงยขึ้นสบตาเข้ากับหน้าดุๆ ของผู้ที่เรียกว่านาย
“ทำไมไม่รอฉันอยู่ข้างใน”
“พี่ชีตาร์บอกข้าวว่านายไปฝรั่งเศสข้าวก็เลย...”
“ไปเปลี่ยนชุด” นายไม่รอให้ฉันพูดจบแต่กลับยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน ซึ่งพอฉันรับมาเปิดดูก็พบว่าเป็นเสื้อผ้า ฉันจึงยกมือไหว้ขอบคุณเขาก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ฟู่ว~ โลงอกไปทีนึกว่าจะได้ขโมยชุดของโรงพยาบาลใส่ออกไปซะแล้วสิเรา
“จะให้ฉันไปส่งที่ไหน” หลังจากที่รถตู้เคลื่อนตัวออกมาจากโรงพยาบาลนายก็ถามฉันขึ้นเสียงเข้ม มือเล็กกุมกันไว้แน่นด้วยความประหม่า ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบตากับนัยน์ตาคมที่กำลังจ้องมาทางฉันอยู่ก่อนแล้ว
“ข้าวไม่มีที่ไปค่ะ” ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องมาทางฉันอย่างไม่วางตา ฉันจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดต่อ “แม่ยกข้าวให้ไปเป็นเมียเสี่ยสุชาติ เพราะแม่ไปติดหนี้เขาอยู่สองล้าน”
“เป็นหนี้ก็ต้องใช้ มันถูกต้องแล้ว”
“ตะ...แต่นายคะ ข้าวไม่....”
“ตอนนี้ฉันไถ่ตัวเธอมา เพราะฉะนั้น...” ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มร้ายกาจออกมาช้าๆ“เธอก็ต้องมาเป็นเมียฉันน่ะสิ”
“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะนาย”
“งั้นก็จ่ายคืนมาทั้งต้นทั้งดอก”
“ว่าไงนะ ข้าวนึกว่านายจะใจดีมีเมตตา จริงๆ แล้วนายก็ไม่ต่างกับพวกเสี่ยนั่น”
หมับ!
“โอ๊ย!”
“พูดให้มันดีๆ นะใบข้าว” มือหนากระชากตัวฉันเข้าไปอย่างแรง จนตัวฉันปลิวไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นะ...นายคะข้าวเจ็บ” ร่างบางพยายามแกะมือหนาออกด้วยแววตาสั่นระริก
“อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพวกเศษสวะนั่น เข้าใจมั้ย!!”
“คะ...ค่ะนาย” คนตัวโตค่อยๆ คลายมือออก ส่วนฉันก็รีบย้ายก้นตัวเองกลับไปนั่งอยู่ที่เบาะรถข้างๆ เขาตามเดิม ด้วยความหวาดกลัว “ข้าวขอทำงานแบบพี่คนนั้นทำได้มั้ยคะนาย ข้าวทำเป็นทุกอย่างเลยนะไม่ว่าจะขับรถ ทำความสะอาด ทำกับข้าว ส่งของ...”
“เหลือให้ทำตำแหน่งเดียว” คนตัวโตพูดขึ้นแทรกก่อนที่ฉันจะพูดจบ
“คะ... งั้นนายว่ามาได้เลยค่ะ ข้าวทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ฉันบอกออกไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่น จ้องไปที่นัยน์ตาคมของเขาไม่วางตา
“ตำแหน่งเมียของฉัน”