“คุณเจษฎ์โดนวางยาอะไรเหรอคะ”
“ยาปลุกเซ็กส์ และเธอก็ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้เลย ภูษิตา”
เธอไม่มีโอกาสได้ถามว่าทำไมเขาถึงรู้จักชื่อของเธอ เมื่อริมฝีปากของเขาฉกวูบลงมาบนปากอิ่มแล้วเขาก็จูบเธออย่างเร่าร้อนและรุนแรง
มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเธอก่อนที่จะเลื่อนลงไปยังเรียวขาสวยใต้กระโปรงของเดรสสีน้ำเงินเข้มที่เธอสวมใส่
ทั้งที่ด้านนอกยังมีรถรากว่าร้อยคันที่จอดนิ่งอยู่ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าโลกทั้งใบมีเพียงเขาและเธอเท่านั้น
และแม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไปเพราะฤทธิ์ยานรกนั่น แต่เธอกลับไม่คิดจะขัดขืนหรือต่อต้านเขาเลยแม้แต่น้อย
คงเป็นเพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่เธอจะได้ชิดใกล้ผู้ชายที่อยู่ในหัวใจมานานแสนนาน
และถ้าหากว่าฤทธิ์ยาหมดลง เขาอาจจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว จำไม่ได้ว่าเขาลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับนักเรียนทุนในบริษัทของตัวเอง
“เธอ...มีแฟนมั้ย” ในความคลุ้มคลั่งราวกับสัตว์ป่าที่กำลังจะกระโจนเข้าหาเหยื่ออันโอชะ เขาก็ยังเหลือสติพอที่จะถามคำถามสำคัญก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
“ไม่ค่ะ...หนู...ไม่มีแฟน ไม่เคยมี”
เธอส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับแววตาที่สั่นระริก
“งั้น...ฉันก็ขอโทษกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยละกันนะ จบเรื่องแล้วฉันจะชดเชยให้เธอเอง”
“หนูไม่ได้ต้องการอะไร แค่...แค่อยากช่วยคุณให้หายทรมานเท่านั้นค่ะ” ถ้อยคำอ่อนหวานมาพร้อมกับจูบเบาๆ ที่แก้มสาก คล้ายจะบอกเขาว่าเธอเต็มใจไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอก็ตาม
เพียงเท่านั้นเขาก็เริ่มจูบไซ้ไปทั่วซอกคอหอมกรุ่น ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาที่เนินอกสวยแล้วดูดดึงอย่างคนตะกละตะกลาม
เสื้อผ้าของเธอยังอยู่ครบทุกชิ้น เสื้อผ้าของเขาก็ไม่ได้หลุดหายไปไหน แต่ตอนนี้เธอกลับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งแรงและผ่าวร้อนค่อยๆ แทรกลึกเข้ามากลางกายสาวโดยมีมือใหญ่คอยแหวกขอบชั้นในของเธอเพื่อเปิดทาง
“อึก!”
เพราะสิ่งแปลกปลอมนั้นมีขนาดใหญ่โตทำให้เธอรู้สึกเจ็บจุกจนแทบพูดไม่ออกเมื่อมันผ่านเยื่อบางๆ เข้ามาจนสุด ก่อนที่เขาจะกระแทกบั้นเอวสวนขึ้นตามอารมณ์สวาทที่กำลังลุกโชน
และนับจากวินาทีนั้น...เขาก็ไม่ปล่อยให้เธออยู่ห่างกายอีกเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ภูษิตาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันพร้อมกับอาการปวดเมื่อยไปทั่วร่าง หญิงสาวแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอมาอยู่ในห้องของเขาตั้งแต่ตอนไหน ทว่าสิ่งที่จำได้แม่นยำก็คือเรือนกายกำยำที่ขยับโยกเข้าหาเธอตลอดทั้งคืน
หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวแล้วมองหาเสื้อผ้าของตนเองที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด เธอจึงได้ใช้ผ้าห่มผืนหนาพันตัวเอาไว้แล้วก้าวลงจากเตียงอย่างคนอ่อนแรง
“จะไปไหน” เสียงของเขาดังขึ้นจากด้านหลังตอนที่เธอกำลังจะก้าวออกไปจากห้องนั้น
“เอ่อ...หนู...หนูจะไปหาเสื้อผ้าค่ะ ดูเหมือน...มันจะอยู่ข้างนอก”
ถ้าจำไม่ผิด เสื้อผ้าของเธอหลุดลอยออกจากร่างไปตั้งแต่ประตูบานหนึ่งปิดลง และในเมื่อมันไม่ได้อยู่แถวนี้ ก็แปลว่ามันอาจจะอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของเพนต์เฮาส์หรูแห่งนี้
“มันขาดหมดแล้ว เอาเสื้อฉันไปใส่ก่อน ไว้ฉันจะซื้อให้ใหม่”
เขาบอกพร้อมกับเดินเข้ามาหาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งในมือ เธอจึงเพิ่งจะสังเกตว่าเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่พันรอบเอวสอบเอาไว้เท่านั้น
“งั้น...หนูยืมกางเกงขาสั้นของคุณด้วยได้มั้ยคะ”
“ใส่แค่เสื้อตัวนี้ก็ไม่โป๊แล้ว ตัวเธอเล็กแค่นี้จะใส่กางเกงให้มันเกะกะสายตาไปทำไม”
บอกแล้วเขาก็แย่งผ้าห่มที่พันตัวเธอออกไป ปล่อยให้เรือนร่างงดงามที่เต็มไปด้วยรอยดูดและรอยมือของเขาเปิดเผยออกมาให้เขาได้เห็นชัดๆ
มือใหญ่วางลงบนลาดไหล่เล็ก ก่อนจะเลื่อนมาที่ยอดถันสีชมพูสวยขณะที่ดวงตาคมนั้นสำรวจไปทั่วร่างกายของเธอ
“เจ็บมากมั้ย” คำถามนั้นทำให้เธอรู้สึกอุ่นซ่านไปถึงหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็รู้สึกกระดากอายไปพร้อมกัน
“ก็...เจ็บ...เป็นบางครั้งค่ะ” เธอก้มหน้างุดแต่เขากลับใช้มือข้างเดิมแตะที่ปลายคางเล็กเพื่อรั้งใบหน้าหวานให้เงยขึ้นมาสบตากัน
“งั้นล้านนึงพอมั้ย สำหรับเรื่องที่เราทำกันเมื่อคืน”
ความอบอุ่นที่ได้รับก่อนหน้าดูจะจางหายไปทันทีเมื่อเขาเสนอราคาค่างวดสำหรับความสาวที่มอบให้เขาไป
หญิงสาวน้ำตาร่วงให้กับคำถามที่เขาเอื้อนเอ่ย ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เขากลับคิดไปอีกอย่าง
“งั้นจะเอาเท่าไหร่”
“หนู...ไม่ได้มาขายตัวให้คุณ ถ้าคุณหายดีแล้ว หนูขอตัวค่ะ”
ภูษิตาเดินตัวเปล่าออกไปด้านนอก ไม่คิดจะรับเสื้อของเขามาสวมใส่ด้วยซ้ำ ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะล้มหัวฟาดพื้นดีที่เขาเข้ามารับตัวเธอไว้ทัน
“เดินจะไม่ไหวอยู่แล้วยังจะอวดดีอีกนะ”
“ถึงหนูจะตายคุณก็ไม่ต้องมาสนใจ ปล่อยหนู หนูจะกลับห้อง”
เธอพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนกำยำนั้น แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นกว่าเดิม
“เธอชอบฉันไม่ใช่เหรอ”
คำถามนั้นทำให้ร่างเล็กหยุดดิ้นไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยความน้อยใจ