“ค่ะ หนูชอบคุณ ชอบคุณมาก แล้วทำไมคะ? แค่ชอบ...ก็ไม่ได้หรือไง” น้ำตาหยดน้อยไหลออกมาจากสองตากลม ทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนขี้แย แต่ไม่รู้ว่าทำไมพออยู่ใกล้เขาเธอถึงได้อ่อนไหวขนาดนี้
“ฉันก็ไม่ได้ห้ามให้เธอชอบ เพียงแค่จะบอกว่าถ้าเธอชอบฉันงั้นก็อยู่กับฉันสิ”
“คุณ...หมายความว่ายังไงคะ คุณชอบหนูเหรอ”
“เปล่า ฉันไม่ได้ชอบเธอ แต่ชอบเซ็กส์ของเธอต่างหากล่ะ”
“คุณจะพูดอะไรกันแน่คะ หนูไม่เข้าใจ”
“ง่ายๆ เลยนะ ในเมื่อเธอไม่อยากรับเงินหนึ่งล้านนั่นก็ไม่เป็นไร แต่เธอต้องอยู่ที่นี่กับฉัน เป็นผู้หญิงของฉัน เพราะว่า...ฉันติดใจเธอแล้ว”
ภูษิตากะพริบตาปริบๆ เธอไม่รู้ว่าไปทำให้เขาติดใจอะไรนักหนาเขาถึงได้ยื่นข้อเสนอบ้าๆ ให้กันแบบนี้ แต่ก่อนที่เธอจะปฏิเสธเขาไปอีกครั้ง ร่างเล็กก็ถูกช้อนอุ้มให้กลับไปอยู่บนเตียงแล้วเหตุการณ์แบบที่เธอกับเขาทำกันเมื่อคืนก็เริ่มต้นขึ้นโดยการล่อหลอกของคนมากประสบการณ์
แล้วหลังจากวันนั้นเธอก็อยู่กับเขาที่นี่...เป็นของเล่นชิ้นโปรดของเขา โดยมีเงินก้อนโตโอนเข้าบัญชีของเธอทุกเดือน เพียงพอให้เธอสามารถส่งเสียไปให้พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดได้สบายๆ
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาไม่เคยมีคนอื่นตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา แม้จะไม่เคยพูดคำว่ารักแถมบ่อยครั้งยังชอบพูดให้เธอน้อยใจแต่เขาก็ยังดีกับเธอเสมอ นั่นทำให้เธอมีความหวัง...
หวังว่าสักวันสิ่งที่ทำให้เขาติดใจจะไม่ใช่เซ็กส์แต่เป็นความรักที่เธอมอบให้
ทว่ามันก็เป็นแค่เพียงความฝันเลื่อนลอย
และไม่มีวันเป็นจริง...
หนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอเดินออกมาจากชีวิตของเขา...
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสายเรียกเข้าของเจ้าของเบอร์ที่ชื่อว่าเจษฎ์โทรมาเลยแม้แต่สายเดียว
ก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่แคร์ แล้วเธอยังจะหวังอะไรอีก?
“คนสวย นั่งเหม่ออะไรอยู่จ๊ะ ใกล้จะถึงคิวแกแล้วนะ”
เสียงของเพื่อนรักดังขึ้นดึงให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด ก่อนที่ภูษิตาจะหันไปยิ้มให้เพื่อน
“ไม่ได้เหม่อจ้ะ ก็แค่คิดว่าจะผ่านการออดิชั่นรึเปล่าเท่านั้นเอง ดูสิ คนมาตั้งเยอะแน่ะ แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย” ภูษิตาหันไปมองสาวสวยจากหลายสังกัด บางคนก็เคยเห็นผ่านตาจากงานโฆษณามาบ้าง บางคนก็ยังเป็นเด็กใหม่เหมือนเธอ
“สวยแต่ไม่มีใครมีออร่าเท่าเพื่อนเลิฟของเนตรเลยนะ ดูสิ ผิวพรรณของพู่น่ะขาวอมชมพูแบบสุดๆ มือก็นุ่ม เล็บก็สวย ผมก็ละมุนอย่างกับเส้นไหมรับรองว่างานนี้ได้แจ้งเกิดแน่นอนจ้ะ”
เธอรู้ว่าเพื่อนรักไม่ได้อวยเพื่อเอาใจ แต่ภูษิตามีรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณดีมากจริงๆ คงเป็นเพราะตลอดเวลาที่อยู่กับเจษฎ์เขาไม่เคยปล่อยให้เธอต้องออกมาทำงานอะไรเลย กิจวัตรในแต่ละวันก็คือการเข้าสปาหรือไม่ก็คลินิกเสริมความงาม ขัดตัว ทำเล็บ เข้าคอร์สบำรุงผม ดีท็อกส์ร่างกาย เติมวิตามินผิว เรียกว่าทำสวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ถ้าหากว่าเธอไม่ขอหน้าที่แม่ครัวของเขามาทำบ้าง ชีวิตของเธอก็ไม่ต่างจากนกน้อยในกรงทอง
อ้อ...แล้วก็ยังมีหน้าที่เมียบนเตียงที่เขายินดีอย่างยิ่งที่จะให้เธอทำ ตำแหน่ง ‘เมีย’ ที่มีแค่เธอเท่านั้นที่รับรู้มาตลอด โดยที่เขาไม่เคยยกมันให้เธอเลยด้วยซ้ำ
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะจ้ะ” ภูษิตาอมยิ้ม ก่อนจะหันไปมองคิวที่เหลืออยู่ก่อนจะถึงคิวของเธอ
หลายวันก่อนมณีเนตรพาเธอเข้าวงการพริตตี้ไปแล้ว แน่นอนว่าคนสวยๆ แบบนี้ย่อมมีแต่คนต้องการตัว และวันนี้เพื่อนรักก็ยังพาเธอมาแคสติ้งเป็นนางแบบโฆษณาแชมพูสระผมยี่ห้อดัง วันนี้เธอจึงตั้งใจปล่อยผมยาวสยายมาโดยเฉพาะดีที่เมื่อวานเธอไปตัดไหมที่คลินิกแถวคอนโดของมณีเนตรมาแล้วและแผลก็ไม่ได้เห็นชัดอย่างที่คุณหมอคนนั้นบอก เธอจึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
ตั้งแต่เดินออกมาจากชีวิตของเขา ไม่ว่าอะไรที่เธอไม่เคยได้ทำ เธอก็อยากจะทำ แม้ว่าเงินในบัญชีมีกว่าแปดหลัก แต่เธอรู้ดีว่าหากไม่หามาเพิ่มเติม สักวันมันก็ต้องหมดสิ้นไป ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีคนดูแลแล้ว เธอก็ต้องจัดการชีวิตให้ดีที่สุด
การออดิชั่นใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง เธอไม่รู้ว่าผู้กำกับและคนอื่นๆ ในห้องนั้นจะพอใจในตัวเธอหรือไม่ แต่แค่ได้ยินเสียงปรบมือเมื่อเธอทำท่าทางที่พวกเขาบอกให้ทำเรียบร้อย เธอก็รู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมา
การแข่งขันย่อมมีทั้งแพ้และชนะ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เธอก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าทำดีที่สุดแล้ว
หลังจากเสร็จงานออดิชั่น มณีเนตรก็พาเธอไปดูรถเก๋งป้ายแดงคันหนึ่งซึ่งเป็นรถอีโคคาร์ขนาดกะทัดรัดเพราะแม้เธอจะขับรถได้ แต่ก็ไม่ได้ขับมานานแล้ว ใช้รถคันเล็กดูจะคล่องตัวมากกว่า เพราะเธอกับมณีเนตรก็อาจจะไม่ได้ทำงานที่เดียวกันตลอดเวลา
หลังจากเลือกรถที่ต้องการได้แล้ว มณีเนตรก็พาภูษิตาไปดูคอนโดปล่อยเช่าที่พวกเธอลิสต์รายการเอาไว้ว่าจะต้องอยู่ใกล้รถไฟฟ้าและอยู่ในย่านที่ปลอดภัย รวมถึงสามารถเดินทางไปได้สะดวกไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหน และที่ภูษิตาไม่อยากซื้อแต่เลือกที่จะเช่าอยู่ก็เพราะเหตุผลเดิมกับที่เคยคุยกันไว้ คือมันสะดวกกว่าเวลาที่อยากจะย้ายขึ้นมาในภายหลัง