ตอนที่ 8 ไม่ได้รัก

1119 Words
น่าเสียดายที่คอนโดของมณีเนตรไม่ได้ปล่อยให้เช่า ไม่อย่างนั้นพวกเธออาจจะได้พักที่เดียวกัน แต่การอยู่ห่างเพื่อนแบบนี้ก็จะทำให้เธอโตขึ้นและเรียนรู้การใช้ชีวิตตามลำพังมากขึ้นเช่นกัน “ตกลงว่าเอาที่นี่เหรอพู่” มณีเนตรถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักดูจะพอใจคอนโดนี้เป็นพิเศษ “จ้ะ เอาที่นี่แหละ ค่าเช่าไม่แพงมาก ห้องก็กว้างแล้วก็แบ่งเป็นสัดส่วนแยกห้องรับแขก ห้องนอนกับห้องครัว แล้วที่พู่ชอบมากที่สุดก็คือสีโทนนี้” “ดำสลับขาวเนี่ยนะ ไม่ดูดาร์กไปหน่อยเหรอ” “ดาร์กอะไรกัน คลาสสิกดีออก ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีด้วย” ใช่...สีดำสลับขาวอาจดูไม่เข้ากับสาวสวยอย่างเธอ แต่เพราะมันเป็นสีเดียวกับห้องที่เธอเคยอยู่มาตลอดสามปี เธอก็เลยชินกับโทนสีนี้ไปเสียแล้ว “โอเค ถ้าพู่ชอบงั้นก็ตามใจละกัน แล้วนี่จะทำสัญญาเลยมั้ย” “จ้ะ เดี๋ยวเค้าจะลงไปเอาสัญญามาให้เซ็น ระหว่างนี้เราก็นั่งชอปของแต่งห้องแบบออนไลน์ไปก่อน ดูว่าต้องซื้ออะไรเพิ่มบ้าง” ภูษิตาบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง เธอไม่ค่อยถนัดออกไปชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าเพราะเจษฎ์ไม่อยากให้เธอออกนอกห้องโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าเป็นการชอปของออนไลน์เธอถนัดมากซึ่งเขาก็ไม่เคยว่าอะไรแค่บอกให้ระวังของปลอมเอาไว้ก็พอ ส่วนพวกของแบรนด์เนมไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องประดับต่างๆ เขาจะให้เลขาฯ จัดส่งมาให้เธอทุกครั้งที่มีคอลเลกชันออกใหม่ แต่ทุกอย่างที่เขาซื้อให้เธอไม่ได้หยิบมันมาด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะรู้หรือยังว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว หรือบางที...เขาเองก็ไม่อยากจะกลับไปหาเธอที่ห้องแล้วเหมือนกันก็ในเมื่อเขามีคนใหม่ที่เป็นคนสำคัญในระดับที่เขาจะแต่งงานอยู่ด้วย แล้วเขาจะต้องมาสนใจของตายที่เขาเก็บเอาไว้ไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในห้องทำไมกัน หลังจากทำสัญญาเช่าห้องเรียบร้อย พวกเธอก็พากันไปหาซื้อชุดเครื่องนอนและของอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้มาไว้ในห้องก่อน ดีที่ห้องนี้มีเครื่องซักผ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟและโทรทัศน์ให้เรียบร้อย เธอจึงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองจนเกินไป อาคารสำนักงานใหญ่ ซี.บี.กรุป เจษฎ์นั่งอ่านรายงานสรุปการประชุมของเมื่อวานอยู่ตามลำพังในห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกสูงใจกลางกรุงเทพมหานคร แม้เวลานี้คนอื่นๆ จะเลิกงานกันไปหมดแล้วก็ตาม ติ๊ง... เสียงข้อความจากแอปพลิเคชันหนึ่งดังขึ้น เขาจึงได้หยิบมาเปิดดูภาพและข้อความที่ถูกส่งมาจากใครคนหนึ่ง ก่อนจะตอบข้อความที่อีกฝ่ายถามมาเมื่อเข้าใจตรงกันแล้วเขาก็กดปิดหน้าจอพลางถอนหายใจเฮือกแล้วหลับตาลงทั้งยังพึมพำออกมา “เด็กโง่” “ว่าผมเหรอครับพี่ชาย” จิณณ์หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วถามยิ้มๆ “เปล่า นายมีธุระอะไรกับพี่ล่ะ แล้วทำไมยังไม่กลับห้องอีก แฟนนายไม่รอกินข้าวหรือไง” เจษฎ์ลืมตาขึ้นแล้วกอดอกขณะมองสบตาน้องชายของตน “ดาวเค้าไปออกค่ายอาสาที่ประจวบฯ ครับ คงกลับมะรืนนี้มั้ง” “อ้อ ช่วงนี้ก็เลยโสดงั้นสิ” “ประมาณนั้นครับ” “แล้วสรุปมีอะไรถึงมาหาพี่เวลานี้น่ะ” “ผมก็แค่...อยากรู้ว่าพี่จะแต่งงานกับคุณสิจริงๆ เหรอครับ ในเมื่อพี่ก็มีพู่อยู่ทั้งคน” คำถามนั้นไม่ได้ทำให้เจษฎ์รู้สึกแปลกใจเพราะน้องชายรู้เรื่องของเขาและภูษิตาเป็นอย่างดี แต่จิณณ์ไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายเท่านั้น “ไม่มีแล้ว” “หือ? ไม่มีอะไรครับ” จิณณ์มองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างสงสัย “ก็เด็กโง่นั่นนะ...ไปแล้ว” “ไปแล้ว? ไปไหนครับ กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเหรอ?” “ไม่รู้สิ” “อ้าว พี่พูดแบบนี้ผมยิ่งอยากรู้นะครับ หรือว่าทะเลาะกันเพราะเรื่องคุณสิ” ดูเหมือนว่าจิณณ์จะเดาถูกเพราะแววตาของพี่ชายดูเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาถามขึ้น “อืม” “จริงเหรอครับพี่ แล้วพู่เค้ารู้ได้ยังไงครับ” “เค้าเจอพี่กับคุณสิที่ไนต์คลับเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ” “เจอที่ไนต์คลับ? ปกติเด็กนั่นถูกพี่ขังไว้ในกรงทองไม่ใช่เหรอครับ ไหงไปเจอกันในที่แบบนั้นได้ล่ะ หรือว่าเธอแอบหนีเที่ยว” “เธอคง...ไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนมั้ง” “ฉลองวันเกิด? นี่แปลว่าพี่กับเธอ...เลิกกันในวันเกิดของเธอเลยเหรอครับ” “อย่าเรียกว่าเลิกเลย พี่กับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขาค้านพลางหยิบเอกสารรายงานมาอ่านเหมือนว่าเรื่องที่พูดอยู่ไม่ได้สำคัญกับเขาแม้แต่นิดเดียว “แต่เธออยู่กับพี่มาสามปีแล้วนะครับ พี่...ไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยเหรอ ไม่ได้...รักเธอเลยเหรอครับ” เจษฎ์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบเดียวกับที่เขาเคยให้ภูษิตา “ไม่รู้สึก...ไม่ได้รัก แล้วนายก็ไม่ต้องพูดถึงเด็กนั่นแล้ว ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญจะคุยกับพี่งั้นก็กลับไปกินข้าวเป็นเพื่อนปู่เถอะ” จิณณ์มองเข้าไปในแววตาที่แน่วแน่ของพี่ชายก่อนจะเป็นฝ่ายถอนหายใจเสียเอง “ถ้าพี่ไม่ได้รู้สึกจริงๆ ก็ดีครับ ผมแค่หวังว่าพี่จะไม่รู้สึกเสียดายกับบางสิ่งที่หายไปเท่านั้นเอง งั้นผมกลับก่อนนะครับ ตอนแรกว่าจะมาชวนพี่ไปดื่มด้วยกันหน่อย แต่ดูเหมือน...พี่จะงานยุ่ง” จิณณ์บอกยิ้มๆ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้องนั้น ปล่อยให้เจษฎ์นิ่งเงียบไปนานกับบางคำที่มันเหมือนจะกระแทกใจเขาอย่างแรง เสียดายงั้นเหรอ? ไม่ล่ะ คนอย่าง เจษฎ์ ชัยบดินทร์ จะไม่มีวันเสียดายของที่ทิ้งไปแล้วอย่างเด็ดขาด ในเมื่อภูษิตาเลือกที่จะไปจากเขาเอง ทั้งที่เขาก็ดูแลเธอเป็นอย่างดียิ่งกว่าเจ้าหญิงบนหอคอย เพราะฉะนั้นคนที่ต้องเสียดายและซมซานกลับมาก็ควรจะเป็นเธอสิ ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD