“คุณพิมา ผมตื่นเต้นมาก คุณดูสิ มือผมเย็นเฉียบเลย”
ธีมกำลังตื่นเต้นกับการประชุมหัวหน้าทุกฝ่ายทุกคนประจำเดือน วันนี้ประธานจะมาพูดคุยการดำเนินแผนงานในเดือนถัดไปและสรุปผลงานเดือนที่ผ่านมา หลายคนที่ต้องออกหรือลดตำแหน่งก็ตัดสินกันที่วันนี้แหละ ที่สาขาเก่าก็มีการประชุมแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้เกร็งขนาดนี้เลย
“ใจเย็นค่ะหัวหน้า ยังไงคุณก็ผ่านฉลุย ดูจากยอดขายของตลาดที่เพิ่มมาถึง 0.3% คุณต้องได้รับคำชมแน่ค่ะ”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นครับ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะพาทุกคนในแผนกไปเลี้ยงฉลองกัน”
“สู้ ๆ ค่ะหัวหน้า” พิมายื่นกระเป๋าเอกสารให้ธีม
ห้องประชุมใหญ่บริษัท
ธีมมองคนในห้องมากมายตอนนี้ มีทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จัก บางคนก็เป็นผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท เขาไม่ชอบความกดดันแบบนี้เลย เขารู้สึกว่าห้องที่เปิดแอร์นี้ยังไม่เย็นเท่าความตื่นเต้นในใจเขาตอนนี้เลยสักนิด
“ท่านประธานมาแล้วครับ”
ทันทีที่ร่างของคนที่ทรงอำนาจที่สุดเดินเข้ามา ทุกคนก็ลุกขึ้นและโค้งตัวให้ ธีมลุกขึ้นทำตาม
“สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านประธาน”
“สวัสดีค่ะทุกคน นั่งลงเถอะค่ะ”
เสียงยังดูสาวอยู่เลยแฮะ แต่ก็นั่นสินะ เพิ่งจะ 30 กว่าเองนี่
“เอาละค่ะ ฉันได้รับรายงานประจำเดือนของทุกแผนกแล้ว เดี๋ยวคุณเอกจะเป็นคนแจกแจงแผนกที่มีความก้าวหน้ากับแผนกที่ไม่มีอะไรเลยให้ทุกคนฟังนะคะ” พรีม ประธานของการประชุมครั้งนี้ยกมือประสานกัน 2 ข้างวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และไปสะดุดตากับคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา อาจจะเพราะตื่นเต้นละมั้ง
ไม่เห็นเก่งเหมือนวันที่สอนเธอวันนั้นเลย
ระหว่างนั้นเอกก็เริ่มอธิบายผลประจำเดือนให้ทุกคนฟังผ่านหน้าจอใหญ่ที่ฉายเป็นกราฟความคืบหน้า
“และแผนกที่เติบโตขึ้นมากที่สุดคือแผนกการตลาดครับ คิดเป็น 0.39% หรือรายได้ประมาณ 895 ล้านบาท และผู้ที่ทำให้แผนกเติบโตขึ้นมามากคือหัวหน้าฝ่ายคนใหม่ คุณภมร กิตติศักดิ์ครับ”
แปะ ๆ แปะ ๆ เสียงตบมือรัวดังขึ้น เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนเพื่อขอบคุณเสียงปรบมือจากทุกคนในห้อง แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเขามองไปที่หัวโต๊ะซึ่งมีผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดนั่งอยู่ แต่พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็แทบเข่าอ่อน ดีนะที่คว้าเก้าอี้นั่งไว้ทัน ธีมนั่งลง มือเขาตอนนี้เย็นเฉียบกว่าเดิม หัวใจก็เต้นรัว
บักธีมเอ๊ย มึงจะโดนไล่ออกก็มื้อนี้ละ (ไอ้ธีม มึงถูกไล่ออกวันนี้แหละ)
ธีมลองมองไปที่หัวโต๊ะอีกครั้งและดูเหมือนอีกฝ่ายก็จับจ้องเขาอยู่
มองแบบนั้น จำเขาได้สินะ... โอ๊ยยย มึงตาถั่วจริง ๆ มองประธานเป็นเด็กฝึกงานแถมยังทำตัวรุ่มร่ามใส่อีก ไม่พอยังไปว่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ ต่อหน้าอีก
การประชุมผ่านไปด้วยดี ธีมถอนหายใจยาว ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ถูกไล่ออกต่อหน้าทุกคน แต่นั่นก็เป็นหลักประกันไม่ได้ เขาต้องไปยอมรับผิดก่อน ธีมยืนรออยู่หน้าห้องประชุมจนคนหมดไปแล้ว เลยเข้าไปคุยกับเลขานุการของท่านประธานที่ยืนส่งทุกคนอยู่หน้าประตู
“คือว่า... คุณเลขาฯ ผมมีเรื่องจะรบกวนครับ”
“เรียกผมเอกก็ได้ครับหัวหน้าฝ่าย” เอกยิ้มตอบรับคนที่เดินเข้ามาหา
“ครับคุณเอก ผมธีมนะครับ... คือผมมีเรื่องอยากจะให้คุณช่วยหน่อยครับ”
“เรื่องอะไรลองว่ามาได้เลยครับ”
“ผมอยากพบท่านประธานครับ ช่วยบอกท่านให้หน่อยได้หรือเปล่า”
“ได้ครับ ตอนนี้ท่านประธานยังอยู่ข้างใน คุณธีมรออยู่ตรงนี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปแจ้งให้”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่เอกเดินเข้าไปด้านใน ธีมก็ได้แต่เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวายใจ ทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออกอีกครั้ง เขาก็พุ่งตัวไปหาคนที่เดินออกมาทันที
“ท่านประธานว่ายังไงบ้างครับคุณเอก”
“ท่านให้คุณเข้าพบได้ครับ เชิญครับ” เอกเบี่ยงตัวให้ธีมเดินเข้าไป ก่อนจะเดินตามเข้าไป
ธีมมองคนที่ตั้งใจอ่านเอกสารในมือไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองเขาที่เดินเข้ามาเลยสักนิด ใครจะคิดว่าคนอายุ 30 กว่าปีจะน่ารักแบบนี้ล่ะ ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นนักศึกษาอยู่ทั้งนั้นแหละ
“เอาละ มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอคะ คุณหัวหน้าฝ่ายการตลาด” พรีมเงยหน้าจากเอกสารในมือและหันไปมองคนที่ยืนตัวเกร็งอยู่
“เอ่อ... คือ...” ธีมอึกอักเพราะตอนนี้ยังมีเลขานุการยืนอยู่ เขาเลยไม่กล้าพูด
“คุณเอก รบกวนออกไปรอข้างนอกก่อน”
“ครับ” เอกเดินออกไปตามคำสั่ง
“ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับท่านประธาน” ธีมพูดหลังจากที่ประตูห้องปิดลงสนิทแล้วและก้มตัวลงแทบจะ 180 องศา
“ขอโทษฉันเรื่องอะไรเหรอคะ เราเคยเจอกันด้วยเหรอ” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ความจริงแล้วพรีมกำลังสนุกกับการแกล้งอีกฝ่ายที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวตรงหน้าต่างหาก
ตัวก็ออกจะใหญ่ แต่ใจเสาะจริง ๆ เหมือนลูกหมาตกน้ำไปได้
“ผมขอโทษที่เสียมารยาทกับท่านประธานในลิฟต์ครับ”
“เราเคยเจอกันในลิฟต์ด้วยเหรอ คนที่นายเจออาจจะเป็นเด็กฝึกงานมหา’ลัยหรือเปล่า”
จึก !! เหมือนมีดปักลงที่กลางหัวใจ
“ผมขอโทษครับ อย่าไล่ผมออกเลย” ธีมก้มตัวลงและหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
“คิก ๆ” เสียงปิดปากกลั้นขำทำให้ธีมเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ท่านประธาน”
“เอาละ คุณ...”
“ธีมครับ ผมธีม”
“ค่ะคุณธีม ฉันไม่คิดจะไล่คนมีความสามารถออกเพราะเรื่องพวกนี้หรอกนะคะ”
“แต่ว่า...”
“คุณจะบอกว่าฉันก็ทำมันตลอดใช่ไหม”
ธีมพยักหน้ารัว ๆ
จะมาทำให้เธอยกโทษให้ แต่พอเธอถามแทนที่จะเอาใจกับยอมรับสิ่งที่พูด จะบอกว่าโง่หรือซื่อบื้อดีนะผู้ชายคนนี้
“คุณนี่ซื่อตรงกับตัวเองหรือซื่อบื้อมากกันแน่นะ”
“ขอโทษครับ” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร แต่ธีมก็ขอโทษไว้ก่อนแล้ว
“เลิกขอโทษเถอะ ฉันจะบอกอะไรคุณอย่างหนึ่ง หัวหน้าฝ่ายคนเก่าของแผนกพวกคุณทำงานดีก็จริง แต่เขาลวนลามพนักงานของบริษัทฉัน ทำงานดีแค่ไหนฉันก็ไม่เอาไว้หรอกนะ แต่ที่ฉันไม่ไล่ออกเพราะเหตุผลนี้เพราะยังอยากให้เขาหางานทำที่อื่นได้”
พรีมอธิบายสิ่งที่ธีมเคยพูดกับเธอตอนอยู่ในลิฟต์ ที่จริงเธอไม่ต้องมานั่งอธิบายให้คนตรงหน้าฟังเลยด้วยซ้ำ มันเป็นแบบนั้นมาตลอดหลายปีที่เธอไม่เคยคิดแม้จะอธิบายอะไรกับใครฟัง แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกว่าอย่างน้อยให้ใครสักคนเข้าใจการกระทำของเธอบ้างก็ยังดี
“คือผมขอโทษที่ตัดสินคนเพียงแค่ฟังคำพูดจากคนอื่นครับ”
“เอาละค่ะ คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ และอีกอย่าง ถ้าฉันคิดจะเอาเรื่องคุณคงไม่ปล่อยมาถึงทุกวันนี้ เพราะงั้นคุณสบายใจได้ แค่คุณไม่ทำผิดกฎและทำให้บริษัทฉันเสียหายก็พอแล้ว”
“ครับท่านประธาน”
“เรียกฉันพรีมก็ได้”
“ครับคุณพรีม”
“ออกไปได้แล้วค่ะ”
“ครับคุณพรีม”
ธีมเดินออกไปตามคำสั่ง ทำเอาพรีมที่นั่งมองอยู่ถึงกับขำออกมา หมอนี่เป็นหมาหรืออย่างไร เชื่องจริง ๆ เอกที่เปิดประตูเข้ามาก็อดสงสัยไม่ได้ที่เห็นท่าทีของพรีม เขาไม่เห็นพรีมอารมณ์ดีจนยิ้มกว้างแบบนี้นานแล้วนะ ผู้ชายคนนั้นมีอะไรพิเศษหรือเปล่า เอกอดที่จะคิดและหงุดหงิดใจไม่ได้