ติ๊ง !!
ทันทีที่ลิฟต์เปิด
ผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกไปก่อน
แต่ดูเหมือนว่าจุดหมายของเขากับเธอจะอยู่ที่ร้านกาแฟของบริษัทเหมือนกัน
“ป้า ขอแบล็กคอฟฟีแก้ว”
ธีมมองหญิงสาวข้าง
ๆ อีกครั้งก่อนจะหันไปสั่งกาแฟของตัวเองบ้าง พอได้รับกาแฟที่สั่ง
เขาก็เลือกที่จะเดินไปใกล้กับหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่บริเวณหน้าลิฟต์
“น้องเป็นเด็กฝึกงานเหรอครับ ควรแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้นะ
ถ้าฝ่ายประเมินงานนักศึกษาเขามาเห็นแล้วไม่ให้ผ่านงานจะยุ่งเอา”
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำตัวไม่สนใจ
เอาแต่กดโทรศัพท์ในมือ
“พี่พูดด้วยได้ยินไหมครับ” ธีมจับแขนเล็กให้หันมาหาเขา
“พูดกับฉันเหรอ”
“อยู่กัน 2 คนจะให้พูดกับใครครับ
อย่างน้อยพี่ก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่าย เราควรจะทำความเคารพบ้างรู้ไหม
การทำแบบนี้มันจะเสียต่อตัวเอง ถ้าเจอคนที่งี่เง่าแล้วเอาไปฟ้องฝ่ายบุคคล
เราอาจจะเรียนไม่จบเลยก็ได้ อย่างเช่นคนแบบ...” ธีมทำท่านึก
“แบบไหน”
คนที่ถูกเข้ามาทักเก็บโทรศัพท์ในมือลงกระเป๋าแล้วตั้งใจฟังชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นเด็กฝึกงาน
“แบบประธานไง” ธีมโพล่งออกมา ทำเอาคนที่กำลังถูกเตือนยิ้มมุมปากก่อนจะถามต่อ
“คนแบบประธานเป็นยังไงเหรอ”
“ก็ดูเป็นคนไม่มีเหตุผลน่ะสิ น้องคิดดู ถ้าเป็นคนมีเหตุผล
จะตั้งกฎเรื่องความรักที่บริษัททำไม คนเราถ้ารักกันมันห้ามกันได้ด้วยเหรอ” ธีมกอดอกพูดอย่างเผลอตัว
แถมยังตรง ๆ เพราะเมื่อเช้าเผลอพูดเรื่องนี้กับรองหัวหน้าฝ่ายตัวเองมากเกินไป
“กฎก็ไม่ได้ห้ามนี่ แต่แค่เชิญออกไปรักกันข้างนอก”
“เราน่ะเป็นแค่เด็กฝึกงาน คงไม่เข้าใจ
และพี่ก็เพิ่งย้ายเข้ามาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ที่พี่รู้ตอนนี้หัวหน้าฝ่ายการตลาดคนเก่าก็ถูกไล่ออกเพราะเรื่องงี่เง่าที่แค่ไปรักเพื่อนร่วมงาน
ทั้งที่เขาก็ทำงานดีมากเท่าที่ดูมา”
“นายคิดว่าประธานดูเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่าย
พลางสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนคนซื่อบื้ออย่างไรไม่รู้
“นายอะไรกันล่ะ ต้องเรียกว่าหัวหน้า แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ ถ้าให้ตอบคำถาม
พี่ก็คงว่างั้น แต่ยังไม่เคยเจอท่านประธานสักครั้ง
ได้แค่ตัดสินจากสิ่งที่คนอื่นพูด”
“งั้นนายก็เป็นคนที่ตัดสินคนอื่นจากคำพูดเหมือนกันสินะ”
คนตัวเล็กหันมาสบตากับธีม
“ไม่หรอกเด็กน้อย ฉันเกลียดเรื่องแบบนั้นมากที่สุด”
“จะทำอะไร”
จู่
ๆ
ร่างของคนที่ตัวเล็กกว่าถอยหลังอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นมือของอีกฝ่ายกำลังจะเอื้อมมาสัมผัสที่คอ
แต่ไม่ทันที่จะก้าวหนีก็ถูกมือแกร่งจับไว้ก่อน
“อยู่เฉย ๆ มีคราบน้ำเปื้อนที่คอเรา พี่จะเช็ดให้”
เพียงแค่นิ้วเย็นแตะลงบนผิวกายก็ทำให้คนที่ถูกสัมผัสถึงกับสะดุ้ง
อีกฝ่ายเช็ดมันอย่างเบามือและอ่อนโยน
แม้คนตรงหน้าจะมีรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัวสำหรับเธอ
แต่พอถูกสัมผัสก็ไม่ถึงกับน่ากลัวอย่างที่คิด
“ที่เราแต่งตัวไม่เรียบร้อยเพราะเสื้อเปื้อนสินะ
พี่ขอโทษนะที่ไม่ถามแถมยังต่อว่า แต่ว่าพี่มีเรื่องขอร้อง
เรื่องที่เราคุยกันวันนี้ให้รู้กันแค่ 2 คนได้หรือเปล่า
เพราะถ้ามีคนรู้มากกว่านี้แล้ว พี่คงถูกไล่ออกเพราะปากแน่
แบบนั้นคงหน้าขายหน้าแย่” ธีมยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
ติ๊ง
!!
เสียงประตูลิฟต์เปิดออก
ทำให้ธีมก้าวขาเข้าไปและหันไปโบกมือให้คนที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์
“ผู้ชายบ้าสินะ”
ครืด~~ ครืด~~
“ค่ะคุณพ่อ”
(ลูกอยู่ไหน พ่อกับแม่รอนานแล้วนะ)
“หนูขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดฯ ก่อนนะคะ
แล้วจะรีบไป”
(มีเรื่องอะไรหรือเปล่าลูก)
ปลายสายของแม่ถามลูกสาวอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีหนูแค่เผลอทำน้ำหกใส่ตัวเอง”
(ถ้างั้นก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยตามมานะลูก)
“ค่ะคุณแม่”
เจ้าของโทรศัพท์กดวางสายหลังจากคุยเสร็จก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากหน้าลิฟต์
ก่อนจะเดินไปที่โรงจอดรถ เธอหยิบกุญแจรถคันหรูขึ้นมาปลดล็อกพร้อมก้าวเดินเข้าไปนั่ง
คิดดู ถ้าเป็นคนมีเหตุผล จะตั้งกฎเรื่องความรักที่บริษัททำไม
ใช่
นายคนนั้นพูดถูกแล้ว เป็นเพราะเธอไม่มีเหตุผลไง ถึงใช้อารมณ์ไปลงที่คนอื่นด้วย