พ่ายรักเมียแต่งอัปเดตเมื่อ May 24, 2025, 02:32
"ลุงหมอเอายานอนหลับให้แม่จ๋ากินอีกแล้วเหรอคะคุณพ่อ ทำไมน้องขวัญมาหาทีไรแม่จ๋าเอาแต่นอนหลับทุกทีเลย หรือว่าเป็นเพราะ...เพราะน้องขวัญดื้อเหรอคะพ่อจ๋า แม่จ๋าถึงไม่อยากตื่นมาเจอน้องขวัญแล้ว" ขวัญนรีในวัยหกขวบเบะปากเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อ ดวงตากลมโตใสหมดจดแดงรื้น พลันน้ำตาเม็ดโตก็ไหลอาบแก้มกลมเหมือนซาลาเปานุ่ม
"ไม่ใช่ครับ น้องขวัญอย่าคิดอย่างนั้น ตอนนี้หัวใจแม่จ๋าทำงานหนักมากๆ ลุงหมอเลยอยากให้แม่จ๋านอนพักเยอะๆ อีกไม่นานแม่จ๋าก็ฟื้นแล้วครับ เชื่อพ่อจ๋านะ"
"จริงเหรอคะ" ใบหน้ากลมเปื้อนยิ้มอย่างดีใจ
"ครับ" แต่ถ้าขวัญนรีโตกว่านี้อีกสักหน่อย เด็กน้อยอาจจะถามต่อว่าทำไมเสียงพ่อจ๋าถึงสั่นเครือแบบนั้น ตกลงว่าแม่จ๋าของเธอจะตื่นขึ้นมาจริงๆ หรือเปล่า
"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ภรรยาคุณได้จากโลกนี้ไปแล้ว"
"แม่จ๋าไปไหนเหรอคะลุงหมอ ขอน้องขวัญตามไปด้วยได้ไหม น้องขวัญมีค่ารถนะ" เด็กหญิงขวัญนรีรีบก้มหน้าหาเศษเหรียญกับแบงก์ยี่สิบในกระเป๋าสะพายไหมพรมสีชมพูที่แม่จ๋าถักให้เป็นของขวัญที่สอบได้ที่หนึ่งของอนุบาลห้องทานตะวัน
"ไม่เอาลูก พ่อจ๋าไม่ให้น้องขวัญไป น้องขวัญต้องอยู่กับพ่อจ๋าตลอดไปนะลูก ฮึก" ผู้เป็นพ่อรวบแก้วตาดวงใจมากอดแน่น
"พ่อจ๋าแงๆ ทำไม น้องขวัญขอไปแป๊บเดียวเอง เที่ยวเสร็จเดี๋ยวก็กลับมาหาพ่อจ๋าพร้อมแม่จ๋าแล้ว" เสียงเล็กๆ ยังคงเปี่ยมไปด้วยความสุข
"แม่จ๋าไม่กลับมาแล้วลูก"
"ทำไมล่ะคะ"
"แม่จ๋าไปสวรรค์แล้ว มันไกลมาก หนูตามไปไม่ได้หรอก"
"ฮึก ไม่จริง! พ่อจ๋าโกหก!" คำอื่นเด็กหญิงขวัญนรีอาจไม่รู้ความหมาย แต่คำว่าไปสวรรค์เธอได้ยินเพื่อนที่ไม่มีพ่อแม่พูดบ่อยๆ ว่า ที่ตรงนั้นถ้าไปแล้วก็จะไม่มีวันกลับมาได้อีก
หลายปีต่อมา…
"ทำไมแกถึงกล้าผลักน้องตกน้ำฮะ!"
"น้องขวัญไม่ได้ทำนะจ๊ะพ่อจ๋า" ขวัญนรีในวัยสิบสองตอบเสียงสั่น พลางเหลือมองพ่อจ๋าอุ้มน้องสาวตัวน้อยแนบอกอย่างประคบประหงมราวเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างน้อยอกน้อยใจ เธอก็หนาวเหมือนกันนะ ทำไมพ่อจ๋าไม่กอดเธอแบบที่กอดน้องน้ำหวานบ้าง
"ถ้าแกไม่ได้ทำแล้วใครทำ จะบอกว่าน้าวิเป็นคนผลักน้ำหวานตกน้ำงั้นเหรอ!"
ริมฝีปากกระจุ๋มกระจิ๋มเม้มแน่น ตากลมเหลือบมองใบหน้าสะสวยของแม่เลี้ยงด้วยแววหวาดหวั่น แต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ถ้าไม่ใช่ความผิดเรา ก็อย่าไปยืดอกรับ พ่อจ๋าเคยสอนไว้
"ใช่ค่ะ น้าวิเป็นคนผลักน้องน้ำหวานตกน้ำ"
"ไม่จริงนะคะคุณสันต์ ลูกคุณโกหก แม่ที่ไหนจะจิตใจต่ำช้าเลวทรามขนาดผลักลูกตัวเองตกน้ำได้ลงคอ สงสัยแกเห็นคุณอุ้มยัยน้ำหวานบ่อยเลยอิจฉามั้งคะ ถึงได้คิดจะฆ่าน้องสาวตัวเอง!"
"น้าวินั่นแหละโกหก!" มือเล็กกำหมัดแน่น
"ยังจะมีหน้ามาโยนความผิดให้คนอื่นอีกเหรอของขวัญ คราวนี้แกทำเกินไปแล้วนะ เห็นทีฉันคงให้แกอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ไปเก็บเสื้อผ้าซะ ฉันจะส่งแกไปดัดสันดานที่เมืองนอก"
ตากลมเบิกกว้างพร้อมกับน้ำตาที่ล้นเอ่อ ดวงหน้างามคลับคล้ายคลับคลามารดาที่ล่วงลับส่ายสะบัดจนคอแทบหลุดออกจากบ่า
"ไม่ไป! น้องขวัญจะอยู่กับพ่อจ๋า ฮึก อย่าไล่น้องขวัญ น้องขวัญรักพ่อจ๋าน้า ไหนพ่อจ๋าบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง ฮือ..."
"แกต้องไป!"
"ไม่ไป ฮึก พ่อจ๋าลงโทษขวัญสิ เอาไม้แขวนเสื้อตีขวัญเจ็บๆ เลยก็ได้ แต่อย่าทิ้งน้องขวัญเลย แม่จ๋าทิ้งน้องขวัญไปคนหนึ่งแล้ว ถ้าไม่มีพ่อจ๋าอีกคนแล้วน้องขวัญจะอยู่กับใคร ฮือ..." ร่างเล็กคลานเข้าไปอ้อนวอนกอดขาคนเป็นพ่อ แขนเล็กรัดท่อนขาแข็งแรงแน่น คิดโง่ๆ ตามประสาเด็กว่าถ้าไม่ปล่อยมือ ยังไงก็ไม่มีวันพรากจาก
"ไปเก็บของเดี๋ยวนี้ของขวัญ พ่อให้แกอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ แกมันตัวอันตรายเกินเยียวยา!"
ปัจจุบัน
"คุณหนูครับ คุณหนูถึงบ้านแล้วครับ" คนขับรถชะโงกหน้ามาทางด้านหลัง
เฮือก!
ขวัญนรีสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายหลายฉากที่ไม่ปะติดปะต่อกัน อกอวบใต้เสื้อแขนยาวกระเพื่อมถี่ ตามไรผมมีเหงื่อผุดซึมทั่วทั้งที่ภายในห้องโดยสารอากาศเย็นเฉียบ
"ถึงแล้วเหรอคะ"
"ครับ คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตอนนี้คุณหนูหน้าซีดมากเลย"
"เพลียนิดหน่อยค่ะ" นั่งเครื่องจากนิวซีแลนด์มาไทยกินเวลาหลายชั่วโมง ออกจากสนามบินได้ไม่เท่าไหร่ก็มาเจอรถติดแหง็กยาวกิโลเมตร ไม่แปลกที่ขวัญนรีจะมีอาการเจ็ตแล็กจนผล็อยหลับไประหว่างที่เดินทางไปโรงพยาบาล
โรงพยาบาล
ใช่แล้ว เธอต้องไปที่นั่น
แต่ทำไมคนขับรถถึงพาเธอมาส่งที่บ้านอานันทรัพย์ไพศาล บ้านของคุณหญิงวิมาลา แม่เลี้ยงใจหมาที่ทำให้พ่อต้องถีบหัวส่งเธอไปอยู่โรงเรียนประจำที่นิวซีแลนด์ตั้งแต่เด็ก
"คุณพ่อออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ"
"โรงพยาบาล? คุณหนูพูดเรื่องอะไรครับ คุณคมสันต์ท่านแข็งแรงดี จะไปโรงพยาบาลก็เฉพาะตอนที่ไปตรวจสุขภาพเท่านั้น" คนขับรถตอบอย่างซื่อๆ
"ก็คุณพ่อป่วยเป็น..." ริมฝีปากอิ่มหยุดขยับ หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่น ถ้าพ่อไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งอย่างที่ส่งข่าวไปบอก ก็แสดงว่าเธอถูกหลอกให้กลับเมืองไทยอย่างนั้นเหรอ
ไม่รอให้คนขับอ้อมมาเปิดประตูแล้วโค้งคำนับให้ ร่างสะโอดสะองก็พาตัวเองออกมาจากเบนซ์คันหรู ขาเรียวยาว ปลายเท้าสวมส้นสูงห้านิ้วก้าวฉับๆ เข้าไปในตัวบ้านที่เธอไม่คิดว่าจะได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง
เสียงหัวร้อต่อกระซิกดังมาจากห้องนั่งเล่น ปลายเท้าขวัญนรีหมุนเดินไปทางนั้นอย่างไม่ลังเล ทั้งพ่อ แม่เลี้ยง และน้องสาวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศอวลไปด้วยกลิ่นอบอุ่นของครอบครัวที่สมบูรณ์
"อ้าว! น้องขวัญกลับมาแล้วเหรอลูก" เป็นวิมาลาที่เหลือบมาเห็นเธอเป็นคนแรก หล่อนลุกขึ้น เดินกรีดกรายเข้ามาใกล้ ทำท่าจะโผเข้ากอด ขวัญนรีเบี่ยงตัวหลบ เดินไปยืนจังก้าต่อหน้าบิดา วิมาลาได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ
‘นังเด็กเปรต’
"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ พ่อไม่ได้ป่วยหรอกเหรอ" ขวัญนรีเลิกเรียกบิดาบังเกิดเกล้าว่าพ่อจ๋านานแล้ว
"ฉันสบายดี"
"สบายดี? แล้วพ่อโกหกขวัญว่าป่วยใกล้ตายทำไม"
"ถ้าฉันบอกบ้านเรากำลังจะโดนธนาคารยึด แกจะกลับมาช่วยฉันใช้หนี้หรือเปล่าล่ะ"
"บ้านเรา? ใช้หนี้? หึ ตลกแล้ว ขวัญไม่ได้เป็นคนสร้างสักหน่อย ทำไมขวัญต้องเป็นคนใช้ด้วย อีกอย่างตอนนี้ขวัญมีเงินติดบัญชีไม่ถึงสามหมื่น ไม่มีปัญญาไปใช้หนี้ให้ใครหรอกค่ะ" เรี